1. เงินออมเพื่อการลงทุน
“ประหยัดอดออมวันละนิดเพื่ออนาคตที่ดีวันข้างหน้าเพื่อความสำเร็จได้ดั้งที่ตั้งใจ”
จาก
1 เป็น 10
จาก
10เป็น100
จาก 100เป็น1000
จาก 1000เป็น10000
จาก
น้อย เป็น มาก
จากอดออม เป็น ธุรกิจยิ่งใหญ่
การที่นักธุรกิจชาวจีนที่ร่ำรวยอย่างมหาศาล
ทั้งที่จากบ้านเกิดเมืองนอนมาตัวเปล่า
มีเพียงเสื้อผืนหมอนใบเอาไว้หลับนอนเป็นเพราะพวกเขามีความคิดที่จะสร้างเนื้อสร้างตัวให้ได้
ด้วยความมีมานะ อดทน ขยันขันแข็งและรู้จักการอดออมในช่วงเวลาที่ยากลำบาก
พวกเขารู้ตัวว่าไม่ได้มีทรัพย์สินใดที่จะแปรค่าเป็นตัวเงินได้
จะมีก็เพียงแรงกายและแรงสมองกับสองมือที่ต้องทำทุกสิ่งทุกอย่างเพื่อการเริ่มต้น
ด้วยความกลัวจนให้พวกเขาทำงานทุกอย่าง
หนักเบาเอาสู้อดออมเงินที่หามาอย่างยากลำบาก ไม่ใช้ต้องคำนึงถึงประโยชน์ที่จะได้จากสิ่งของเหล่านั้นเสียก่อนถึงตัดสินใจซื้อนั้นเป็นอีกวิธีหนึ่งในการเหนี่ยวรั้งความอยากตัวการในการเสียเงิน
เพื่อที่พวกเขาจะได้มีเงินเก็บเพิ่มมากขึ้น
พร้อมสำหรับการลงทุนสร้างเนื้อสร้างตัวในวันหนึ่งข้างหน้า
ชาวจีนเห็นคุณค่าของเงินทุกบาททุกสตางค์ว่ากว่าจะหามาได้ยากลำบากแค่ไหน
โดยเฉพาะผู้ที่กำลังเริ่มสร้างเนื้อสร้างตัวจากการไม่มีอะไรเลย
ย่อมห่วงแหนเงินยิ่งกว่าอะไร
หากต้องเสียเงินซื้อสิ่งที่ได้กลับคืนมาต้องคุ้มค่ากับคุณค่าของเงินที่เสียไป
แม้ต้องการประหยัดออมมากแค่ไหนแต่พวกเขายังเป็นปุถุชนคนธรรมดาที่มีความต้องการ
ในใจลึกๆ ของพวกเขาก็มีความต้องการซื้อสิ่งของที่ตนเองชอบ อยากได้ อยากมีบ้าง
แต่พวกเขาเลือกที่จะไม่ซื้อมันเพียงเพราะเหตุผลที่ตนเองอยากได้เท่านั้น
การเลือกซื้อของแต่ละอย่างของชาวจีน
ต้องคำนึงถึงประโยชน์ที่ได้รับต่อคนในครอบครัว
ไม่ใช่มีประโยชน์ต่อเขาเพียงคนเดียว เมื่อเห็นสมควรว่าซื้อมาแล้ว
มันมีประโยชน์ต่อทุกคนในครอบครัว
ถึงตัดสินใจซื้อเพื่อให้คนในครอบครัวได้ใช้ร่วมกัน
เมื่อชาวจีนอดออมเงินได้ในจำนวนหนึ่ง เพียงพอสำหรับการลุงทุนทำธุรกิจของตนเอง โดยไม่ต้องไปกู้หนี้ยืมสิ้นของใครมาใช้ เพื่อจะได้ไม่มีปัญหาหนี้มากวนใจทีหลัง
เมื่อนั้นชาวจีนจะลุงทุนทำธุรกิจเป็นของตนเองแลละขยับขยายใหญ่โตทีละเล็กทีละน้อย แต่มั่นคงและประสบความสำเร็จอย่างเช่นทุกวันนี้
หากคุณสามารถต่อราคาสิ้นค้าให้ได้ส่วนลดเพียง 1 บาท ก็เท่ากับว่าคุณมีเงินออมเพิ่มมากขึ้นอีก1 บาท
2. อยากรวยต้องต้องเป็นนายตนเอง
“เป็นผู้นำตนเอง…..ดีกว่าให้คนอื่นจูงจมูกชี้นิ้วใช้ทำงาน”
ชาวจีนต้องการเป็นนายของตนเองและไม่ต้องการเป็นลูกจ้างใคร
เพราะพวกเขามองแล้วว่า
พวกเขาจะไม่สามารถประสบความสำเร็จได้เลยหากยังเป็นลูกจ้าง ฉะนั้น
พวกเขายอมลำบากเก็บออมเงิน
เพื่อทำธุรกิจของตนเองแม้ลำบากในช่วงเริ่มต้นแต่บั้นปลายแล้วพวกเขาจะสุขสบายอย่างแน่นอน
ดังสุภาษิตจีนที่ว่า “วันนี้ยอมลำบาก
แต่วันหน้ารอวันรวย”
ชาวจีนถือคติที่ว่า
ถ้าอยากประสบความสำเร็จในชีวิตและร่ำรวยแล้ว คนๆนั้นต้องไม่เป็นลูกจ้างใคร คนๆนั้นต้องรู้จักเป็นนายของตนเอง
สร้างเนื้อสร้างตัวจากธุรกิจของตนเองเท่านั้น
ไม่เช่นนั้นก็ไมมีวันที่จะประสบความสำเร็จและร่ำรวยขึ้นมาได้ เพราะแรงกายที่ลงทุนทำงานให้ในจ้างไปในแต่ละวันหรือแต่ละเดือนนั้น
ไม่สามารถสร้างกำไรให้งอกเงยทวีคุณได้เลยนอกจากเงินรายได้ที่เท่าเดิมในทุกเดือนหรืออาจจะเพิ่มมากขึ้นแต่ก็ไม่เท่ากับกำไรจากการทำธุรกิจของตนเอง
ช่วงแรกที่เข้ามาตั้งถิ่นฐานในต่างแดน
ชาวจีนไม่สามารถปฏิเสธการมีในจ้างได้เพราะพวกเขายังต้องทำงานหาเงินเพื่อเก็บออมเอาไว้ใช้ในการลงทุน
เนื่องจากเงินที่ยังมีไม่พอสำหรับการลงทุนแต่เมื่อทำงานไปได้สักระยะเวลาหนึ่ง
จากการอดออมทำให้มีเงินมากพอสำหรับการเริ่มต้นในกิจการค้าขายที่พวกเขามองแล้วว่า
สามารถสร้างกำไรและทำให้ชีวิตความเป็นอยู่ให้ดีขึ้น พวกเขาก็จะเริ่มต้นลงทุนทันที
ชาวจีนยอมลำบากสำหรับการเริ่มต้นทำธุรกิจหรือกิจการค้าขายของตนเองยอมลำบาก
ยอมทำงานหนักและใช้ความขยันขันแข็งและความอดทดต่อสู้กับความยากลำบากทั้งกายใจต่อสู้กับอุปสรรคต่างจนสามารถผ่านความยากลำบากและอุปสรรคมาได้เมื่อผ่านมันมาได้นั้นแปลว่าพวกเขาประสบความสำเร็จในชีวิตเรียบร้อยแล้ว
หลายคนอาจคิดว่าการได้ทำงานเป็นพนักงานในบริษัทใหญ่โตใส่สูทผูกไทแต่งตัวสวยๆไปทำงานทุกวันมีเงินเดือนหลายหมื่นเป็นเรื่องที่น่าภูมิใจแต่สำหรับชาวจีนแล้วพวกเขาไม่เกิดความภาคภูมิใจแบบนั้นเลยเพราะว่าจะมีเงินเดือนเยอะแต่งตัวดูดีไปทำงานทุกวันยังไงก็ยังเรียกว่าลูกจ้างต้องเข้าไปทำงานก้มหัวให้กับนายจ้างเรียกใช้อยู่ตลอดเวลา
ชาวจีนยอมแต่งตัวด้วยเสื้อผ้าธรรมดาไม่ต้องหรูหราหรือราคาแพงอะไร
แต่เป็นเจ้าของกิจการเล็กๆเช่น รถเข็นขายโจ๊ก แผงลอยขายขนมข้างทางหรือร้านขายของในห้องเช่ายังดีเสียกว่าเพราะมันมันคืองานที่พวกเขาไม่ต้องก้มหัวให้นายจ้างกดขี่หรือเรียกใช้ไปวันๆโดยมองไม่เห็นอนาคตที่จะประสบความสำเร็จเลยแม้แต่น้อย
การเป็นเจ้าของกิจการของตนเองนั้นชาวจีนจะทำเป็นกิจการเล็กๆตามเงินทุนที่มีแล้วค่อยๆขยายให้ใหญ่ขึ้นตามลำดับ
ถ้าคุณมีโอกาสได้เห็นพ่อค้าแม่ค้าคนจีนนั่งนับเงิน
หลังจากที่ขายโจ๊กหมดหม้อแล้ว
คุณจะรู้ว่ามันมีความสุขกว่าการที่คุณนั่งเฝ้ารอให้ถึงสิ้นเดือนเร็วๆเพื่อจะได้มีเงินเอาไว้ใช้ตลอดทั้งเดือน
3.จงมีฝันและทำตามฝัน
“หากเพียงมีความพยายามที่จะทำตามฝัน
ความฝันก็อยู่ไม่ไกลเกินเอื้อม”
ชาวจีนเชื่อว่าคนที่มีความฝันไม่ใช่คนเพ้อแต่เป็นคนที่คิดการใหญ่เพื่อที่จะประสบความสำเร็จในชีวิตไม่ว่าความฝันนั้นจะดูเหลือเชื่อและยากเกินไปที่จะทำได้ในสายตาคนอื่น
ทว่าชาวจีนยึดหลักของภาษิตจีนที่ได้กล่าวไว้ว่า
“ภายใต้ฟ้าไม่มีสิ่งใดยาก
สำหลับผู้มีใจพากเพียร” และแน่นอนว่านั้นทำให้พวกเขามีความฝันและทำให้มันเป็นจริงขึ้นมาได้
ชาวจีนมีความฝันอย่างเช่นคนอื่นทั่วไป ฝันจะประสบความสำเร็จ ทว่าพวกเขาไม่ใช่นักฝันธรรมดาแต่เป็นนักฝันที่สามารถให้ฝันกลายเป็นจริงขึ้นมาได้
การเริ่มจากศูนย์สู่จุดสูงสุดของชีวิตที่ใครหลายคนอาจทำไม่ได้แต่ชาวจีนสามารถทำได้และทำมันออกมาได้อย่างประสบความสำเร็จ
ซึ่งได้รับการยกย่องจากคนทั่วทุกมุมโลกถึงความสามารถนี้
ความฝันคือการคิดการใหญ่แต่ไม่ใช่การคิดเกินตัว
มันเป็นการคิดที่จะประสบความสำเร็จในชีวิตต่างหาก
เมื่อคิดฝันเอาไว้แล้วพวกเขาก็ไม่ได้ปล่อยให้เป็นความฝันลมๆแล้งๆเพราะพวกเขาใช้ความพยายามที่มี ความอดทน ความมุ่งมั่น
ที่ไม่ย่อท้อต่ออะไรทั้งสิ้นฝ่าฟันความฝันนั้นเป็นจริงขึ้นมาได้
หากความฝันของชาวจีนคนหนึ่ง คือการมีภัตตาคารเป็นของตนเอง
พวกเขาก็เริ่มต้นจากเรือคันเล็กเข็นไปทั่วตรอกซอยและข้างถนนจากเช้ามืดยันเย็นค่ำ
จนขยายกิจการใหญ่โตเป็นภัตตาคารหรูมีลุกค้ามาอุดหนุนไม่ขาดสายตลอดทั้งวันตลอดปีนั้นเพราะพวกเขามีฝันทำมันได้สำเร็จ ชาวจีนเชื่อว่าชาวจีนทุกแห่งหนของโลกใบนี้ ไม่มีสิ่งใดที่พวกเขาจะทำไม่ได้ ถ้าหากพวกเขาจะลงมือทำมัน
ทุกความฝันของชาวจีนเริ่มต้นด้วยสิ่งเล็กๆน้อยๆที่ความสามารถในตอนนั้นของตนจะทำได้
เช่น แผงลอยเล็กๆ ริมทาง รถเข็นขายของตามตรอกซอย
กำไรที่ได้เก็บออมเอาไว้ไม่ใช้จ่ายฟุ่มเฟือย เมื่อได้เงินก้อนหนึ่งที่มากพอแล้ว พวกเขาก็จะขยายกิจการเล็กๆ ให้ใหญ่ขึ้นมาอีกนิด
เช่นซื้อตึกแถวไว้เป็นร้านขายของ
จะได้ไม่ต้องเดินขายและเพิ่มพื้นที่ขายของได้มากขึ้นอีกด้วย เมื่อขายของได้มากขึ้นเงินเก็บมากขึ้น พวกเขาก็จะมองหาตึกแถวที่อยู่ในทำเลที่ดีกว่าเดิม
มีคนอยู่อาศัยเยอะๆ หรือตึกแถวหน้าถนนใหญ่ที่มีผู้คนสัญจรผ่านไปมาตลอดทั้งวัน
เป็นการขยายกิจการให้ใหญ่ขึ้นและเพิ่มลูกค้าให้มีมากขึ้น
จนกระทั่งกลายเป็นกิจการร้านค้าที่มีขนาดใหญ่สมกับที่ได้ตั้งความฝันเอาไว้
เมื่อครั้งที่เริ่มต้นลงทุนด้วยเงินอันน้อยนิด
ทุกคนมีความฝันเป็นของตนเอง ไม่ว่าคุณหรือใคร ทุกฝันเป็นความจริงได้ เพียงแค่ลงมือทำ
4.เดินไปข้างหน้าสู้ความรุ่งเรือง
“อย่าจมปลักอยู่กับที่…หากต้องการความเจริญรุ่งเรื่องและความสำเร็จ”
ชาวจีนเป็นชนชาติที่ชอบมองการณ์ไกล
มีความเชื่อมั่นว่า ไม่ว่าพวกเขาจะย้ายถิ่นฐานไปตั้งรากอยู่แห่งไหนบนโลก
พวกเขาจะพบความสำเร็จบนแห่งหนนั้นเสมอ
ไม่มีดินแดนไหนที่ชาวจีนไม่เคยสัมผัส
พวกเขาเป็นนักแสวงโชคและนักฉวยโอกาสจากทุกโอกาสที่มี
พวกเขาเดินทางจากถิ่นฐานบ้านเกิดเพื่อไปแสวงหาความสำเร็จ
ไม่มีแห่งหนใดที่ทำให้พวกเขานึกกลัวจนไม่กล้าไปปักหลักเริ่มต้นสร้างความสำเร็จ
จะเห็นได้จากพื้นที่ต่างๆทั่วทุกมุมโลกมีชนชาติจีนเข้าไปปักหลักค้าขาย ไม่ว่าตรงไหนก็จะมีชุมชนค้าขายของชาวจีนอยู่เสมอ
และพวกเขามักจะอยู่กันเป็นกลุ่มก้อนที่แข็งแรงและมีสมาคมที่แน่นแพ้นคอยช่วยเหลืออาศัยซึ่งกันและกัน ในฐานะคนชนชาติเดียวกัน
ด้วยการเป็นนักมองการไกล
มีสายตาที่ชอบมองการณ์ไกลทำให้ชาวจีนมองไปยังแห่งหนใดบนโลกก็กลายเป็นสถานที่ที่ทำให้พวกเขาประสบความสำเร็จได้เสมอ
ดังภาษิตจีนที่กล่าวไว้ว่า “ทั่วปฐวีสถานมีขุมทรัพย์
เพียงแต่รอผู้มีวาสนาค้นพบ”
พวกเขาเชื่อว่าพื้นดินทุกหนแห่งเป็นพื้นดินแผ่นเดียวกันสามารถสร้างความเจริญก้าวหน้าให้พวกเขาได้เสมอไม่ว่าจะอยู่ตรงไหนของโลก ต่อให้ไม่มีอะไรติดตัวไปพวกเขานอกจากเสื่อผืนหมอนใบ
พวกเขาก็สามารถสร้างสิ่งที่มากกว่านั้นได้ด้วยสองมือของตัวเองในดินแดนแห่งนั้น
ชาวจีนไม่เคยหยุดนิ่งอยู่กับที่
เพื่อความสำเร็จที่พวกเขาได้วางแผนเอาไว้
เพื่อสร้างฐานะไว้ให้ลูกหลานได้สบาย
ไม่ต้องลำบากเริ่มจากศูนย์ดังพวกเขา
ชาวจีนจึงต้องการสร้างรากฐานที่แข็งแรงให้กับครอบครัว ด้วยการขยายกิจการค้าขายของตนไปยังที่ต่างๆ
ทีละเล็กทีละน้อย
เพื่อสร้างความมั่นคงทางการค้าเป็นมรดกทอดไปถึงลูกหลาน
ให้มีกิจการของตนเองไว้เลี้ยงชีพในอนาคตต่อไป พวกเขาจะได้นอนได้อย่างสนิทหมดห่วงว่าลูกหลานจะลำบาก หากไม่มีพวกเขาสักคน
ดังนั้นเราจึงจะเห็นได้ว่าธุรกิจการค้าขายของชาวจีนนั้นราวกับต้นไม้ใหญ่ ที่แตกกิ่งก้านสาขาเติบโตอย่างงดงาม เหมือนรากแก้วรากแขนงที่รุกล้ำไปทุกแห่งหน ไม่ว่าจะหันไปทางไหน พ่อค้าแม่ค้าส่วนใหญ่ก็มักจะเป็นคนจีนและอยู่กันเป็นชุมชนที่เข้มแข็ง
เมื่อเอ่ยถึง “ยานเยาวราช” คุณนึกถึงอะไร เชื่อว่า “แหล่งชุมชนชาวจีน” คงเป็นอันดับต้นๆ
ที่คุณนึกถึง
5.การเริ่มต้น คือ จุดเริ่มต้น
“อย่ารอให้โอกาสมาถึง…รีบคว้าโอกาสนั้นซะก่อนที่มันจะหลุดไป”
ถ้าวันนี้คุณไม่เริ่มต้น
วันพรุ่งนี้คุณจะไม่มีทางประสบความสำเร็จได้ ดังที่ชาวจีนประสบความสำเร็จอยู่ทุกวันนี้
เพราะว่าพวกเขารู้จักการเริ่มต้น แม้จุดเริ่มต้นจะลำบาก
แต่มันคือจุดเริ่มต้นของความสำเร็จ
ดังคำภาษิตของชาวจีนที่ได้กล่าวไว้ว่า
“วันนี้เราปลูกต้นไม้
วันต่อไปเราจะมีร่มเงา”
ไม่มีชาวจีนคนไหนที่บอกกับตัวเองว่า
รอให้พวกเขารวยก่อนแล้วจึงค่อยเปิดกิจการเป็นของตนเอง ในทางตรงกันข้ามชาวจีนจะบอกกับตัวเองเสมอว่า
ถึงไม่รวยพวกเขาก็สามารถมีกิจการเป็นของตนเองได้
เพราะพวกเขาจะลงทุนทำกิจการของเขาด้วยเงินที่มีอยู่
แม้ไม่มากแต่มันก็เพียงพอสำหรับการเริ่มสร้างกิจการของตนเอง โดยไม่ต้องเป็นลูกจ้างอีกต่อไป
การที่จะมีกิจการเป็นของตนเองนั้น
ไม่จำเป็นต้องรอให้รวยมีเงินเก็บเป็นล้านๆก็ได้ เงินเพียงแค่500บาทของชาวจีน ก็สามารถตั้งแผงลอยเล็กๆ
ขายของริมทางเดินได้แล้ว ของขายที่ใช้เงินลุงทุนไปเพียงแค่500บาท เมื่อขายหมด นั้นก็สามารถให้ได้กำไรกลับคืนมา
เพื่อนำไปใช้กับการลงทุนซื้อของมาขายอีกวันพรุ่งนี้
สมมติว่าเงิน500บาท นำไปซื้อของมาขายได้200บาท
แสดงว่าตอนนี้เงินทุนเพิ่มขึ้นอีก200บาท
บวกกับเงินทุนเดิมอีก500บาท รวมเป็น700บาท
ซึ่งเงินทุน700บาทนี้ นำไปซื้อของมาขายทำกำไรได้อีก400บาท วันนั้นก็จะมีเงินทุนทั้งหมด1100บาท และเป็นอย่างนี้ต่อไปเรื่อยๆ จนกระทั้งเงิน500บาทในวันนั้นกลายมาเป็นเงินหลายสิบล้านในวันนี้
ในทางตรงกันข้าม หากคิดว่าเงิน500บาท เป็นเงินน้อยนิดเกินไป ไม่สามารถนำมาใช้ลงทุนอะไรมันได้
หรือลงทุนไปได้กำไรนิดเดียวสู้ทำงานเก็บเงินให้ได้สักล้านหนึ่ง
ก่อนค่อยลาออกจากงานมาทำธุรกิจของตนเอง แล้วเมื่อไรจะมีเงินถึงล้าน แล้วเมื่อไรจะประสบความสำเร็จหากเอาแต่รอเวลาเพียงอย่างเดียวแต่ไม่ยอมเริ่มต้น เพราะชาวจีนไม่ได้คิดแบบนั้น
พวกเขาไม่รอเวลาที่จะลงทุนเพื่อก้าวไปสู้ความฝันของตนเอง เงินมีน้อย
พวกเขาก็จะลงทุนด้วยเงินจำนวนน้อยนั้นแหละ
แล้วเอากำไรเล็กๆน้อยๆ ที่ได้ในแต่ละวัน
มาต่อยอดให้เพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆจนกลายเป็นเงินก้อนใหญ่
ชาวจีนนั้นยึดหลักการสร้างเนื้อสร้างตัวที่ว่า “ต้องมีกิจการก่อน ถึงจะร่ำรวยขึ้นมาได้” ถ้ามั่วแต่รอแล้วจะเอาอะไรมาร่ำรวยได้ แล้วเมื่อไรจะมีกิจการเป็นของตนเองได้ หากหวังให้รวยก่อน
มันเป็นความจริงที่ว่าเงินก้อนเล็กนั้นย่อมสร้างเงินก้อนใหญ่ขึ้นมาได้เสมอ
คมกฤช รัตนไพศาล.ขุมทรัพย์ความคิด. กรุงเทพฯ: เอ็ดดูเคชั่น ไมน์ด ไลน์ มัลติมีเดีย,
2555.
ที่มารูปภาพ https://www.google.co.th/search?q=
ที่มาวีดีโอ http://www.youtube.com/watch?v=nffl2b9cDtk
ที่มาวีดีโอ http://www.youtube.com/watch?v=nffl2b9cDtk